Categories
ข่าวบันเทิงดารา

แนะนำเพลงสากล ความหมายดี สื่อถึงความในใจ

หากใครอยากบอกความในใจหรืออยากบอกความรู้สึกแต่ไม่รู้จะบอกยังไงดี สามารถใช้วิธีส่งเพลงเพื่อบอกความรู้สึกดีๆได้ เพราะการบอกความรู้สึกให้อีกฝ่ายรับรู้ถือเป็นเรื่องที่ยากพอสมควร การบอกความรู้สึกโดยการส่งเพลงโรแมนติกหรือเพลงความหมายดีๆให้จึงเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์มากที่สุด วันนี้เราจึงรวบรวมเพลงสากล ที่สื่อถึงความในใจพร้อมเนื้อเพลงสุดโรแมนติก ไปดูกันเลยว่ามีเพลงไหนบ้าง

1.Anyone

หลายคนคงจะรู้จักเพลงนี้กันเป็นอย่างดี เพราะเป็นเพลงที่ Justin Bieber เขียนขึ้นมาเพื่อบอกรักภรรยาสุดสวยของเขา รับบทคนคลั่งรักไปเต็มๆ ซึ่งเขาได้ถ่ายทอดความรู้สึกที่มีต่อภรรยาลงไปในบทเพลง เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่แฝงไปด้วยความกลัวว่าวันนึงจะต้องแยกจากกันหรือต้องสูญเสียเธอไปในอนาคต ซึ่งทั้งคู่ขอทำปัจจุบันให้ดีที่สุดและขอเติบโตไปด้วยกันเรื่อยๆ 

2.I’m Yours

บอกรักผ่านบทเพลงด้วยเนื้อหาของเพลงที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและความรักที่บริสุทธิ์ เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มที่บอกถึงความในใจว่าแอบหลงรักผู้หญิงคนหนึ่ง ในหัวใจเต็มไปด้วยความรักที่มีให้เธอ และพร้อมที่จะมอบให้เธอเพียงคนเดียว ขอเพียงแค่เธอเปิดใจ เธอจะได้รับความรักที่ดีและอบอุ่น เธอจะสัมผัสถึงความรักที่บริสุทธิ์แบบที่ไม่เคยสัมผัสที่ไหนมาก่อน ใครกำลังมองหาเพลงบอกความในใจ ขอแนะนำเพลงนี้เลย 

3.You Belong With Me

เพลงในตำนานที่โดนใจใครหลายๆคน โดยเฉพาะคนที่แอบชอบแต่ไม่กล้าบอก เพราะเนื้อหาของเพลงนี้จะเกี่ยวกับการแอบชอบใครสักคน ถือเป็นเพลงที่เหมาะแก่การบอกความในใจ ซึ่งบอกให้รู้ว่าถึงแม้ว่าเธออาจจะดูธรรมดา ไม่ได้หรูหราเหมือนคนอื่น แต่สิ่งหนึ่งที่เธอมีคือเธอใส่ใจและพร้อมเติบโตไปด้วยกัน ถือเป็นความรักที่อบอุ่นมากๆ เป็นอีกเพลงที่เหมาะแก่การส่งเพื่อบอกความในใจ 

4.Get Used To It

เพลงที่บอกเล่าเรื่องราวของความสัมพันธ์ตั้งแต่เป็นเพื่อนกัน แต่เพราะด้วยความเป็นห่วงเลยทำให้ต้องคอยสอบถามเพื่อนคนนี้อยู่เสมอว่าสบายดีไหม คอยนึกถึงเพื่อนคนนี้อยู่ตลอดเวลา พร้อมที่จะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ ซึ่งเป็นเพลงที่เหมาะแก่การเปิดใจกับเพื่อน ทำให้รู้ว่าเรารู้สึกยังไงและคิดแบบไหนกับเขาอยู่ เป็นเพลงน่ารักๆอีกเพลงที่แนะนำเลย 

เครดิตภาพ : youtube

#เพลงสากล #ข่าวบันเทิง#เพลงเพราะ

Categories
ข่าวบันเทิงดารา

เพลงสากลแนวแอบชอบ แอบรัก ตกหลุมรักเขาเข้าแล้ว

เขาว่ากันว่าช่วงที่เราได้แอบรักใครสักคนถือว่าเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขเพราะเราจะมองแต่ด้านดีของเขาและมีความสุขในทุกๆการกระทำซึ่งการแอบรักถือว่าเป็นความรู้สึกที่น่าตื่นเต้นเพราะเราไม่สามารถเดาได้ว่าฝ่ายตรงข้ามคิดยังไงกับเรา วันนี้แอดมีเพลงสากลแนวแอบชอบแอบรักมาแนะนำเป็นเพลงที่พูดแทนความรู้สึกของเรา ใครที่กำลังแอบชอบแอบรักใครอยู่แต่ไม่กล้าบอกไปตรงๆอาจจะส่งเพลงเหล่านี้ไปให้เขาเพื่อเป็นการบอกรักทางอ้อม 

  1. Everlasting – Albert Posis

เป็นเพลงแนวแอบรักเพื่อนซึ่งความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างเพื่อนนั้นมีทั้งจบลงด้วยดีและไม่ดีทำให้หลายคนเลือกที่จะปิดบังความรู้สึกดีๆแบบนี้ไว้แต่บางคนก็เลือกที่จะเสี่ยงเพื่อลองใจ เพลงนี้จะเป็นเพลงที่เลือกจะบอกความรู้สึกข้างในออกไปเพื่อให้คนที่เราชอบรู้ ตัวเพลงถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติถือว่าถูกใจคนแอบรักเพื่อนสุดๆ

You’re On My Mind – Tom Misch

เพลงที่เล่าถึงความรู้สึกของการแอบชอบคนคนหนึ่งไม่ว่าเราจะทำอะไรหรือไปที่ไหนก็ไม่สามารถหยุดคิดถึงเขาได้และภาพของเขายังคงวนเวียนอยู่ ใครที่กำลังรู้สึกว่าตัวเองกำลังคลั่งรักคนๆหนึ่งอยู่นั้นอาการก็จะเป็นเหมือนเพลงนี้เลย 

  1. Sunflower – Sierra Burgess

เพลงประกอบภาพยนตร์ Netflix เรื่อง Sierra Burgess Is a Loser ใครที่ได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วจะต้องชอบเพลงประกอบภาพยนตร์อย่างแน่นอน ตัวเพลงจะเป็นเรื่องราวของการแอบรักที่มีโอกาสเป็นไปได้น้อยเพราะทั้งสองมีความแตกต่างกันเพลงนี้จึงเป็นการเปรียบเทียบตัวละครนางเอกเหมือนกับดอกทานตะวันที่ถึงแม้เธอจะไม่ได้เป็นดอกกุหลาบที่สวยงามตามที่ใครหลายๆคนต้องการและเธอก็สามารถเปลี่ยนตัวเองเพื่อกลายมาเป็นดอกกุหลาบได้

  1. Crush – Tessa Violet

เพลงของสาวน้อยที่ไปแอบรักชายหนุ่มซึ่งเธอเป็นคนที่ร่าเริงสดใสและทำอะไรอย่างตรงไปตรงมา การจีบหนุ่มที่เธอชอบนั้นเธอจะทำตามสไตล์ของเธอคือการค่อยๆหยอดและแซวเพื่อเป็นการอ่อยเบาๆเป็นเพลงที่ดูน่ารักและสดใสของทั้งคู่ เป็นอีกหนึ่งเพลงสำหรับคนแอบรัก

  1. Shy – Jai Waetford

เพลงเหมาะสำหรับหนุ่มที่แอบรักหญิงสาว ในทุกๆครั้งที่เธอเข้ามาใกล้ก็ทำให้หัวใจของชายหนุ่มสั่นไหวเขินและทำเอาเก็บอาการไม่อยู่กันเลยทีเดียว ถือว่าเป็นเพลงที่น่ารักและทำออกมาให้ฟังกันแบบสบายๆ

#เพลงสากล #เพลงเพราะๆ#ข่าวดนตรี

Categories
ข่าวบันเทิงดารา

‘Dragon Ball Super: Super Hero’ เปิดตัวสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้

ด้วยสถิติสูงถึง 21 ล้านเหรียญสำหรับภาพยนตร์อนิเมะ

ดูเหมือนว่าภาพยนตร์ภาคฤดูร้อนจะสิ้ยังไม่น่าเบื่อซักเท่าไหร่เมื่อภาพยนตร์อนิเมะสุดฮิตอย่าง “ดราก้อนบอล” ได้เปิดตัวแล้วในชื่อ Dragon Ball Super: Super Hero” และดูเหมือนว่าทันทีที่เปิดตัวก็สามารถครองชาร์ตบ็อกซ์ออฟฟิศภายในประเทศในช่วงสุดสัปดาห์ได้อย่างน่าพอใจมากทีเดียว โดยหลังจากที่ “ดราก้อนบอลซูเปอร์: ซูเปอร์ฮีโร่” ได้ทำคะแนนได้ 10.7 ล้านดอลลาร์ในวันเปิดตัว ซึ่งในการเปิดตัวของภาพยนตร์อนิเมะเรื่องนี้ทาง Crunchyroll ได้มีการคาดการณ์ไว้ว่าคงจะเปิดตัวได้ 21 ล้านดอลลาร์จากโรงภาพยนตร์กว่า 3,007 แห่ง ซึ่งก็ถือเป็นการเปิดตัวที่ดีที่สุดสำหรับผู้จัดจำหน่าย นอกจากนี้ยังเป็นการเปิดตัวที่กว้างที่สุดเท่าที่เคยมีมาสำหรับภาพยนตร์อนิเมะ ซึ่งรวมถึงพื้นที่ขนาดใหญ่ในหอประชุมรูปแบบพรีเมียม เช่น Imax, 4DX และ Dolby Cinemas ด้วยเช่นกัน

การเปิดตัวครั้งนี้ของ “ดราก้อนบอลซูเปอร์: ซูเปอร์ฮีโร่” นับเป็นการเพิ่มขึ้นที่โดดเด่นจากการเปิดตัวในประเทศที่ 9.8 ล้านดอลลาร์ซึ่งทำได้โดย “Dragon Ball Super: Broly” ในปี 2019 ซึ่งเป็นรายการก่อนหน้าในเรื่อง นอกจากนี้ยังเป็นตัวเลขที่เทียบได้กับการเปิดตัว 18 ล้านเหรียญที่สนุกโดย “Jujutsu Kaisen 0: The Movie” ของทาง Funimation ในเดือนมีนาคมปีนี้ที่การเปรียบเทียบทั้งสองแสดงให้เห็นว่าอนิเมะในเวอร์ชั่นภาพยนตร์ก็กำลังได้รับความสนใจจากผู้ชมในประเทศเป็นจำนวนมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา 

แฟนๆของอนิเมะดราก้อนบอลเองก็เผยว่าDragon Ball Super: Super Hero” ไม่ทำให้ผิดหวังแม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะไม่ได้แหวกแนวไปกว่าเวอร์ชั่นการ์ตูนเลยก็ตาม

สำหรับภาพยนตร์อนิเมะ “Dragon Ball Super: Super Hero” เป็นเรื่องราวของ Piccolo และ Gohan ในขณะที่พวกเขาเผชิญการโจมตีโดยคู่ของ Androids สูงสุดที่เรียกตัวเองว่า “Super Heroes” และต่อสู้กับแผนการของ Red Ribbon Army ที่ชั่วร้ายและในภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์อีกเรื่องในจักรวาล “Dragon Ball” แต่เป็นเพียงเรื่องที่สองเท่านั้นที่ครองตำแหน่ง “Super” พร้อมทำรายได้ไปแล้วประมาณ 2.4 พันล้านเยน (หรือ 18 ล้านดอลลาร์) นับตั้งแต่เปิดตัวในญี่ปุ่นเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

การเข้าสู่จักรวาล “ดราก้อนบอล” ในเวอร์ชั่นนี้จึงเป็นครั้งแรกของผู้ชมที่จะได้เจอการกลับมาของ Goku, Piccolo และ Vegeta และแม้ว่าพวกเขาจะเป็นตัวละครที่น่าสนใจอื่นๆ และแม้ว่า  “ดราก้อนบอลซูเปอร์: ซูเปอร์ฮีโร่” ที่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์มากกว่า 2,500 โรงในสหรัฐฯ ในวันที่ 19 ส.ค. จะทำให้เป็นหนึ่งในแฟรนไชส์ที่มีความทะเยอทะยานมากขึ้นในตลาดอเมริกา ภาพยนตร์ “ดราก้อนบอลซูเปอร์: ซูเปอร์ฮีโร่” เรื่องนี้ไม่ได้ตีตลาดสำหรับแฟนๆ เท่านั้นเพราะการเข้าสู่โลกของ Dragon Ball Super: Super Hero” ของ Goku, Piccolo และ Vegeta กลับมาแล้ว และเรื่องราวต่างๆ ภายในเรื่องจะเป็นไปตามมังงะเรื่อง “Dragon Ball Super” ซีรีย์อนิเมชั่น 131 ตอน และ “Dragon Ball Super: Broly” ในปี 2018

เครดิตรูปภาพ variety.com

#การ์ตูนน่าดู #การ์ตูนฮิต #อนิเมะ

Categories
ข่าวบันเทิงดารา

Left And Right” ของ Jungkook-BTS กับ Charlie Puth

 กลับเข้าสู่ท็อป 40 ของชาร์ต Billboard Hot 100 อีกครั้งในสัปดาห์นี้


สองเดือนหลังจากการปล่อยตัว Jungkook-BTS กับ Charlie Puth ปีนขึ้นไปบน Billboard’s Hot 100 โดยBillboard เปิดเผยว่าซิงเกิล “Left and Right” ของจองกุกและ Charlie Puth ได้กลับเข้าสู่ 40 อันดับแรกของ Hot 100 อีกครั้ง (การจัดอันดับเพลงยอดนิยมประจำสัปดาห์ในสหรัฐอเมริกา) ในสัปดาห์ที่แปดติดต่อกันในชาร์ต “Left and Right” เพิ่มขึ้นมาเป็นอันดับที่ 40 และเพลงนี้ยังปีนขึ้นไปบนชาร์ต Billboard อื่นๆ อีกหลายชาร์ตในสัปดาห์นี้ อาทิ “Left and Right” สามารถขึ้นสู่อันดับที่ 20 ในGlobal Excl ชาร์ต USและอันดับที่ 26 ทั้งใน ชาร์ต Digital Song Sales และ Global 200 นอกจากนี้เพลงดังกล่าวยังครองอันดับที่ 16 ใน ชาร์ต Pop Airplay ซึ่งวัดการเล่นรายสัปดาห์ในสถานีวิทยุยอดนิยม 40 อันดับแรกทั่วสหรัฐอเมริกา

นอกจากนี้เพลงนี้ยังคงแข็งแกร่งบนชาร์ต Billboard ในสัปดาห์นี้ โดยพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดใหม่ที่อันดับ 16 บนชาร์ต Pop Airplay ซิงเกิ้ลยังไต่ขึ้นสู่อันดับที่ 48 ในสัปดาห์ที่เจ็ดของรายการ Hot 100 นอกเหนือจากอันดับที่ 21 ใน Global Excl ชาร์ต US อันดับ 25 บน Global 200 และอันดับ 34 บนชาร์ต Digital Song Sales 

Bad Decisions” ของ Jin, Jimin, V และ Jungkook-BTS ที่ร่วมงานกับ Benny Blanco และ Snoop Dogg ยังคงแข็งแกร่งในสัปดาห์ที่ 2

ในขณะเดียวกัน “Bad Decisions” ของ Jin, Jimin, V และ Jungkook-BTS ที่ร่วมงานกับ Benny Blanco และ Snoop Dogg ยังคงแข็งแกร่งที่อันดับ 57 ในสัปดาห์ที่สองของ Hot 100 (เพลงก่อนหน้านี้เปิดตัวที่อันดับ 10 ที่แล้ว สัปดาห์) ซึ่งเพลง“Bad Decisions” ยังคงครองอันดับ 2 ในชาร์ต Digital Song Sales ของ Billboard (หมายความว่าเป็นเพลงที่ขายดีที่สุดอันดับสองของสัปดาห์ในสหรัฐอเมริกา) อันดับ 28 ใน Global Excl. ชาร์ต US ลำดับที่ 29 ในชาร์ต Pop Airplay และอันดับที่ 30 ใน Global 200 ในสัปดาห์นี้

นอกเหนือจาก Hot 100 เพลง “Bad Decisions” ยังเปิดตัวที่อันดับ 1 ในชาร์ตDigital Song Sales ของ Billboard ในฐานะเพลงที่มียอดขายสูงสุดประจำสัปดาห์ในสหรัฐอเมริกาและนอกจากนี้ ซิงเกิลยังเข้าสู่Global 200ในอันดับที่ 6 Global Excl. ชาร์ต USที่อันดับ 7 ชาร์ตStreaming Songsที่อันดับ 28 และชาร์ตPop Airplay (วิทยุกระแสหลัก) ที่อันดับ 35 รวมทั้งอัลบั้มกวีนิพนธ์ “Proof” ของ BTS ยังครองอันดับที่ 10 ติดต่อกันในครึ่งบนของ Billboard 200 ซึ่งขึ้นอันดับที่ 83 ในสัปดาห์นี้ “Proof” ยังคงครองตำแหน่งที่ 2 ในชาร์ตWorld Albums ของ Billboard นอกเหนือจากการครองอันดับที่ 45 ใน ชาร์ต ยอดขายอัลบั้มยอดนิยมในปัจจุบันและอันดับที่ 74 ในชาร์ตยอดขายอัลบั้มยอดนิยม

สำหรับเพลง “Left and Right ยังสามารถกวาดยอดวิวถึง 100 ล้านวิวบน YouTube ในเวลาไม่ถึงสามสัปดาห์หลังจากเพลงเปิดตัวครั้งแรก นอกจากจะเป็นมิวสิกวิดีโอเพลงที่ 10 ของ Charlie Puth ที่มียอดวิวเกิน 100 ล้านแล้ว นี่ยังเป็นครั้งแรกที่ Jungkook-BTS ประสบความสำเร็จในฐานะศิลปินเดี่ยวอีกด้วย

เครดิตรูปภาพ soompi.com

#ไอดอลเกาหลี #BTS #ข่าวบันเทิง

Categories
ข่าวบันเทิงดารา

JYP Entertainment ประกาศดำเนินการทางกฎหมายกับโพสต์ที่เป็นอันตรายและข่าวลือเกี่ยวกับอีจุนโฮ 2PM

JYP Entertainment ได้ประกาศถึงการดำเนินการทางกฎหมายเพื่อตอบโต้โพสต์ที่เป็นอันตรายเกี่ยวกับนักแสดงและนักร้องในสังกัดอย่างอีจุนโฮ 2PMโดยJYP ยังเน้นย้ำว่าทางค่ายจะใช้มาตรการทางกฎหมายทั้งหมดที่มีอยู่กับผู้สร้างดั้งเดิมของข้อเท็จจริงเท็จและข่าวลือที่เกี่ยวข้องกับศิลปินรวมถึงผู้ที่เผยแพร่ข่าวลือหรืออะไรก็ตามที่เป็นอันตรายต่อศิลปินและในกรณีแบบนี้ทางค่ายจะไม่มีการผ่อนปรนในทุกกรณี

แถลงการณ์ของ JYP Entertainment ดังต่อไปนี้ผ่านทางเว็บไซต์อย่างเป็นทางการต่อการดำเนินการทางกฎหมายของ อีจุนโฮ 2PM

“สวัสดี นี่คือ JYP Entertainment อันดับแรก เราต้องการแสดงความขอบคุณต่อแฟนๆ ทุกคนที่มอบความรักให้กับศิลปินของเราและก่อนหน้านี้เราได้ประกาศในอดีตว่าการแพร่กระจายข่าวลือเท็จและโพสต์ที่เป็นอันตรายเกี่ยวกับศิลปินของเราจะอยู่ภายใต้การดำเนินการทางกฎหมายที่เข้มงวด แต่อย่างไรก็ตาม เราได้ยืนยันแล้วว่าการกระทำเหล่านี้เป็นการหมิ่นประมาทตัวละครอย่างร้ายแรง ซึ่งรวมถึงการเผยแพร่ความเท็จและข่าวลือเกี่ยวกับศิลปินของเรา ได้ดำเนินต่อไป และข่าวลือเท็จได้ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้

ด้วยการตรวจสอบการกระทำเหล่านี้อย่างเข้มงวดและการตรวจสอบรายงานที่ส่งโดยแฟน ๆ อย่างพิถีพิถัน เราตระหนักดีถึงความรุนแรงของสถานการณ์ ด้วยหลักฐานที่แฟนๆ ส่งเข้ามา และหลักฐานที่เรารวบรวมผ่านการตรวจสอบเป็นเวลานาน ซึ่งรวมถึงโพสต์ที่ถูกลบไปแล้วในปัจจุบัน เราได้ยื่นเรื่องร้องเรียนทางอาญา ขณะนี้เรากำลังหารือเกี่ยวกับแผนเพิ่มเติมเพื่อดำเนินการทางกฎหมายที่เข้มงวดยิ่งขึ้นกับสำนักงานกฎหมายหลายแห่งและนี่เป็นเครื่องเตือนใจว่าเราจะใช้มาตรการทางกฎหมายที่มีอยู่ทั้งหมดกับผู้กระทำผิดในขั้นต้นและผู้สร้างความเท็จและข่าวลือที่ไม่มีมูล รวมทั้งผู้ที่แพร่กระจายพวกเขา ดังที่เคยเป็นมาจนถึงขณะนี้ จะไม่มีการผ่อนปรนแสดงภายใต้เงื่อนไขใดๆ

นอกจากนี้ มีหลายกรณีที่บุคคลเข้ามาติดต่อกับศิลปินมากเกินไปหรือบุกรุกการเดินทางของเขาที่สนามบินเมื่อออกเดินทางหรือมาถึงตามกำหนดการ สิ่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นภัยคุกคามต่อความปลอดภัยของศิลปินเท่านั้น แต่ยังอาจก่อให้เกิดความไม่สะดวกและความเสียหายต่อผู้โดยสารคนอื่นๆ ที่สนามบินอีกด้วย เราขอความร่วมมือจากคุณในการป้องกันเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ให้เกิดขึ้นอีก

เรากำลังแจ้งให้คุณทราบล่วงหน้าว่าหากการคุกคามดังกล่าวต่อความปลอดภัยของอีจุนโฮ 2PMของเรายังคงมีอยู่ มาตรการที่เหมาะสมจะถูกดำเนินการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แต่เราจะยังคงทำงานให้หนักขึ้นต่อไปเพื่อปกป้องความปลอดภัยและสิทธิของศิลปินของเราในฐานะเอเจนซี่ของพวกเขา การกระทำใดๆ ที่สร้างความเสียหายให้กับศิลปินของเราจะอยู่ภายใต้การดำเนินการทางกฎหมายที่ครอบคลุมทุกอย่าง และเราสัญญาว่าจะตอบสนองอย่างแข็งขันต่อการกระทำดังกล่าว”

สำหรับงานล่าสุดของ อีจุนโฮ 2PM ได้จัดงาน ‘Lee Jun-ho 2022 FAN-CON ‘Before Midnight’ ที่ Olympic Park SK Olympic Handball Stadium ที่ Songpa-gu กรุงโซลเป็นเวลาสามวันตั้งแต่วันที่ 12 ถึง 14 โดยขายหมดเกลี้ยงรวมทั้งเมื่อวันที่ 20 และ 21 ที่ผ่านมา ‘JUNHO (From 2PM) FAN-CON -Before Midnight’ ถูกจัดขึ้นที่ Budokan ในโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และได้พบกับแฟนๆ ได้พิสูจน์ความนิยมที่ไม่เปลี่ยนแปลงโดยการขายที่นั่งทั้งหมดสำหรับการแสดงสองครั้งที่ Budokan ซึ่งเขาไปเยี่ยมชมหลังจากผ่านไปประมาณสามปีแปดเดือน

เครดิตรูปภาพ soompi.com

#jyp #ไอดอล #ข่าวบันเทิง

Categories
ข่าวบันเทิงดารา

Blackpink ขึ้นแสดงเพลง ‘Pink Venom’ ที่ VMA ในงานประกาศรางวัล US Awards Show Debut


Blackpink
ส่งการแสดงครั้งแรกของซิงเกิ้ลล่าสุด “Pink Venom” ที่งาน 2022 MTV Video Music Awards เมื่อวันอาทิตย์ ถือเป็นการเปิดตัวการแสดงรางวัลในสหรัฐฯ ของวงพร้อมสมาชิกทั้ง 4 คนครบโดยเป็นการแสดงต่อจาก Jack Harlow กับแขกรับเชิญพิเศษ Fergieและ Lizzo โดยนักแสดงในคืนนี้ ได้แก่ Anitta, Bad Bunny, J Balvin, Blackpink, Kane Brown, Eminem และ Snoop Dogg, Jack Harlow, Khalid และ Marshmello, Lizzo, Måneskin, Nicki Minaj, Panic! ที่ดิสโก้และพริกแดงร้อน การแสดงในช่วงพรีโชว์ยังมี Saucy Santana, Yung Gravy และ Dove Cameronและศิลปินหลักๆ ได้แก่ Ashley Graham, Avril Lavigne, Bebe Rexha, Becky G, Billy Eichner, Cheech & Chong, Chlöe, Dixie D’Amelio, DJ Khaled, Dove Cameron, Joel Madden, Latto, Lili Reinhart และ Offset ซึ่งมี Doja Cat, Jack Harlow และ Harry Styles ล้วนได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงมากที่สุด 

หลังจากการแสดงบน VMA ของ MTV ในวันที่ 28 สิงหาคม Blackpink จะเปิดตัวเวิร์ลทัวร์ “Born Pink” ซึ่งมีกำหนดจะเริ่มในวันที่ 15 ตุลาคม และสิ้นสุดจนถึงวันที่ 21 มิถุนายน 2023 

สำหรับซิงเกิล “Pink Venom” เป็นซิงเกิลพรีรีลีสจากอัลบั้ม “Born Pink” ที่กำลังจะวางจำหน่ายของแบล็คพิ้งค์ซึ่งจะวางจำหน่ายในวันที่ 16 กันยายน โดยทั้ง 4 สาวจะเริ่มดำเนินการเวิร์ลทัวร์ “Born Pink” ในฤดูใบไม้ร่วงนี้ โดยเริ่มตั้งแต่ 15 ต.ค. ถึง 21 มิถุนายน พ.ศ. 2566 ทัวร์ได้ประกาศหยุดในอเมริกาเหนือ ยุโรป เอเชีย และออสเตรเลีย โดยมีวันที่เพิ่มเติมที่จะตามมาและเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา Spotify เปิดเผยว่า “Pink Venom” ได้กลายเป็นเพลงที่มียอดสตรีมสูงสุดของ Blackpink จากศิลปินหญิงในวันเดียวในปีนี้ (จนถึงตอนนี้) เมื่อเปิดตัวในเดือนสิงหาคม มิวสิกวิดีโอ “Pink Venom” มีผู้ชมถึง 90.4 ล้านครั้งใน 24 ชั่วโมงแรกหลังจากที่ปล่อยบน YouTube เมื่อวันที่ 19 ส.ค. ทำให้เป็นมิวสิกวิดีโอ YouTube ที่มีผู้ชมมากที่สุดในปี 2565 และเปิดตัวมิวสิกวิดีโอที่ใหญ่เป็นอันดับสามเท่าที่เคยมีมา

“Born Pink” ถือเป็นอัลบั้มเต็มชุดที่สองของวแบล็คพิ้งค์โดยอัลบั้มแรกคือ “The Album” ในปี 2020 ในปีเดียวกันนั้นแบล็คพิ้งค์ยังได้รับรางวัล Variety’s Hitmakers Group of the Year สมาชิกทั้งสี่คนซึ่งชอบให้มีการอ้างราคาโดยรวม ได้พูดคุยกับวาไรตี้ในปี 2020 เกี่ยวกับ “The Album” ซึ่งสาวๆแบล็คพิ้งค์เผยว่านี่เป็น “การเปิดตัวอัลบั้มเต็มชุดแรกของเราสู่สายตาชาวโลกเป็นช่วงเวลาที่เราภูมิใจที่สุดในปีนี้ เรามีความสุขและตื่นเต้นมากที่จะได้ออกอัลบั้มหลังจากครุ่นคิดและทำงานกันมานาน!” 

นอกจากนั้นชาเล้นจ์ #PinkVenomChallenge ก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการบน YouTube Shorts ที่แฟนๆ ของ Blackpink สามารถมีส่วนร่วมโดยสร้างและแบ่งปันท่าเต้นที่ดีที่สุดจากมิวสิกวิดีโอ “Pink Venom” ใส่แฮชแท็ก #PinkVenomChallenge ลงในคำบรรยายของ Shorts และชาเลนจ์ #PinkVenomChallenge นี้จะเริ่มจนถึงวันที่ 15 กันยายน ซึ่งเป็นช่วงก่อนการเปิดตัวอัลบั้ม “Born Pink” ของพวกเธอด้วย 

เครดิตรูปภาพ variety.com

#Blackpink #ไอดอลเกาหลี#ข่าวบันเทิง

Categories
ข่าวบันเทิงดารา

Angelina Jolie เปิดใจในคดีที่เกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาจากการทำร้ายร่างกายของ Brad Pitt กับ FBI

ตามรายงานจากสำนักข่าว Puck เมื่อหลายปีก่อนที่ Angelina Jolie ได้เคยบอกกับเจ้าหน้าที่ FBI ว่าเธอเคยถูกแบรด พิตต์ “ทำร้ายร่างกายและด้วยวาจา” เธอและลูกๆ ของพวกเขาเมื่อพวกเขาอยู่บนเครื่องบิน ตามบันทึกของตัวแทนในขณะนั้น ถูกกล่าวหาว่าพาแองเจลิน่า โจลี่ไปที่ด้านหลังของเครื่องบิน คว้าไหล่ของเธอและตะโกนประมาณว่า “คุณทำให้ครอบครัวนี้พัง” และแองเจลิน่า โจลี่ได้กล่าวหาว่าในเที่ยวบินเดียวกัน มีการทะเลาะวิวาทกันทางกายภาพอีกครั้ง ซึ่งทำให้เธอได้รับบาดเจ็บทั้งทางจิตใจรวมทั้งที่ข้อศอกด้วยและเธอยังบอกด้วยว่าพิตต์กำลังดื่มอยู่ในขณะนั้นและเทเบียร์ให้เธอ แต่ทั้งนี้ทีมกฏหมายของของแบรด พิตต์ ก็ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมดแล้ว

หลังจากนั้นตัวแทนพิเศษของทั้งคู่ก็ได้เข้าพบกับผู้ช่วยทนายความของสหรัฐฯ และสรุปว่าพวกเขาจะไม่ดำเนินคดีอาญา ทำให้โจลี่ยื่นฟ้อง FBI โดยไม่เปิดเผยตัวตนเพื่อขอเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการสอบสวนของรัฐบาลกลางกับแรด พิตต์ Angelina Jolie นั้นได้รับอนุญาตให้ยื่นฟ้อง FBI โดยไม่เปิดเผยตัวตนว่าเป็น “การตัดสินใจที่น่าสนใจ” ที่ดึงดูดความสนใจในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ตามรายงานของPolitico


ไม่นานหลังจากเหตุการณ์นั้น คู่รักคนดัง Angelina Jolie และ Brad Pitt ก็หย่ากันและ Brad Pitt ก็เลิกดื่มในที่สาธารณะ 
ตามคำร้องเรียนของ Angelina Jolie ซึ่งได้รับการแก้ไขในเดือนสิงหาคม “นางสาว. Doe หาข้อมูลที่ถูกระงับมา [หลายปี] เพื่อให้แน่ใจว่าลูกๆ ของเธอได้รับ…การดูแลและ…คำปรึกษาเพื่อจัดการกับอันตรายที่ได้รับ…ข้อมูลที่ DOJ และ FBI เก็บไว้มีหลักฐานของอันตราย การปฏิเสธอย่างไม่ลดละของข้อมูลดังกล่าวต่อนางสาวโด…เหยื่อของการทำร้ายร่างกายตัวเอง ได้ขัดขวางและยังคงขัดขวาง ความพยายามของเธอในการได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องและการรักษาพยาบาลที่จำเป็นต่อลูกๆ ของเธอ และได้ทำร้ายเด็กในกฎหมายครอบครัวมากขึ้น”


ในปี 2559 มีรายงานว่าพิตต์อยู่ภายใต้การสอบสวนเรื่องการล่วงละเมิดเด็กโดยทั้งเอฟบีไอและแผนกบริการเด็กและครอบครัวลอสแองเจลิสหลังจากเหตุการณ์เกิดขึ้นบนเครื่องบินส่วนตัวของครอบครัว แบรด พิตต์ถูกกล่าวหาว่ามีร่างกายกับ Maddox ลูกชายของเขา หลังจากที่เด็กอายุ 15 ปีในขณะนั้นเข้าแทรกแซงในการต่อสู้ระหว่าง Pitt และ Angelina Jolie โดยทีมของแบรด พิตต์ปฏิเสธว่าเขาทำร้ายลูกชายของเขา โดยออกแถลงการณ์ต่อสำนักข่าว “เขาเน้นย้ำว่ายังไม่ถึงระดับของการทารุณกรรมทางร่างกาย ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บทางร่างกาย เขาไม่ได้ตีหน้าลูกของเขาแต่อย่างใด เขาไม่ได้ทำอย่างนั้น เขาเน้นเรื่องนั้น เขาวางมือบนเขา ใช่ เพราะการเผชิญหน้ากำลังวนเวียนจนควบคุมไม่ได้”




เครดิตภาพ : variety.com

#ข่าวต่างประเทศ #บันเทิงอัพเดต #ข่าวบันเทิง
Categories
ข่าวบันเทิงดารา

หนังระทึกขวัญแนววิทยาศาสตร์ของ Jordan Peele เรื่อง “Nope”

 สร้างรายได้ประมาณ 6.4 ล้านดอลลาร์จากการเข้าฉายในบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลก

Nope” ของ Universal กำกับโดย Jordan Peele และนำแสดงโดย Daniel Kaluuya เปิดตัวบนบ็อกซ์ออฟฟิศในสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์ด้วยเงิน 1.8 ล้านปอนด์ (2.2 ล้านเหรียญสหรัฐ) ตามตัวเลขที่ออกโดย Comscore ที่นับเป็นรายได้อันดับสองรองจาก “Bullet Train” ที่นำแสดงโดย Brad Pitt ของค่าย Sony ที่ได้เร่งความเร็วนำรายได้ไปก่อนที่ 909,264 ปอนด์แล้วและขณะนี้มียอด 5.06 ล้านปอนด์หลังจากผ่านไปสองสัปดาห์ อันดับที่สามในสุดสัปดาห์ที่สามคือ DC League Of Super-Pets ของ Warner Bros. ที่ตอนนี้กวาดรายได้รวมทั่วประเทสไปกว่า 831,799 ปอนด์แล้ว

อันดับที่ 4 ในบ็อกซ์ออฟฟิศตอนนี้คือ “Minions: The Rise Of Gru” ของ Universal ที่ได้เงินไป 755,042 ปอนด์และตอนนี้มียอดรวม 38.5 ล้านปอนด์ การปัดเศษของห้าอันดับแรกคือ “Thor: Love And Thunder” ของดิสนีย์ซึ่งทำเงินได้ 535,839 ปอนด์ในสุดสัปดาห์ที่หกรวมเป็นเงิน 34.5 ล้านปอนด์และอีกหนึ่งสัปดาห์เปิดตัว “Forrest Gump” ของ Paramount ที่รีเมคเรื่อง “Laal Singh Chaddha” ที่นำแสดงโดย Aamir Khan ออกฉายในวงกว้างใน 350 จอและโค้งคำนับในอันดับที่เจ็ดด้วยเงิน 411,189 ปอนด์

Nope” ของ Jordan Peele ที่เปิดตัวด้วยรายได้ 6 ล้านเหรียญทั่วโลกและน่าจะไปต่อได้เรื่อยๆ

ภาพยนตร์เรื่องนี้มีการเริ่มต้นครั้งใหญ่ที่สุดในสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์ด้วยเงิน 2.1 ล้านดอลลาร์ ซึ่งอยู่อันดับต่ำกว่า 2.6 ล้านดอลลาร์ที่การเปิดตัวครั้งแรกของ Peele เรื่อง “Get Out” ที่รวบรวมไว้ในพื้นที่เดียวกัน ในออสเตรเลีย “Nope” ทำเงินได้ 1.2 ล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่า “Get Out’s” เปิดตัวที่ 1.4 ล้านดอลลาร์ในประเทศ ในขณะเดียวกัน ฝรั่งเศสขายได้เพียง 1.2 ล้านดอลลาร์สำหรับเพลง “Nope” ซึ่งลดลงอย่างมากจาก “Get Out” ซึ่งเปิดเป็น 2.7 ล้านดอลลาร์ในประเทศ

ภาพยนตร์ในอดีตของ Jordan Peele ที่ทำให้แฟนๆ การันตีความสนุกของ “Nope” ได้ก็คือ “Get Out” และ “Us” ทำเงินได้เกือบทั้งหมดในบ็อกซ์ออฟฟิศในประเทศและดูเหมือนจะไม่มีอะไรมาหยุดได้แล้วกับภาพยนตร์เรื่องนี้จากการทำเงินได้ 107 ล้านดอลลาร์ในอเมริกาเหนือ นับเป็นภาพยนตร์สารคดีเรื่องที่สามของผู้กำกับ (จากทั้งหมดสามเรื่อง) ที่ทำรายได้ทะลุ 100 ล้านดอลลาร์ 

อย่างไรก็ตาม Nope” ยังไม่ถึงจุดเปิดตัวของ Peele เรื่อง “Get Out” (176.1 ล้านเหรียญสหรัฐ) และความพยายามปีที่สองของเขาเรื่อง “Us” (175 ล้านเหรียญสหรัฐ) ในแง่ของการขายตั๋วในประเทศ ภาพยนตร์สองเรื่องแรกของเขาแต่ละเรื่องรวบรวมเงินได้ประมาณ 80 ล้านดอลลาร์จากทั่วโลก รวมเป็น 255 ล้านดอลลาร์ทั่วโลก เนื่องจากภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้เงินในการผลิต 68 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าภาพยนตร์เรื่องก่อนๆ ของ Jordan Peele อย่างมาก 

เครดิตรูปภาพ variety.com

#peele #ต่างประเทศ #ข่าวบันเทิง

Categories
ข่าวบันเทิงดารา

โรงภาพยนตร์ในสหรัฐฯ จะขายตั๋วในราคาเพียง 3 ดอลลาร์

ในงาน National Cinema Day ซึ่งกำหนดไว้สำหรับวันที่ 3 ก.ย


ในขณะที่ความตื่นเต้นของฤดูกาลชมภาพยนตร์ช่วงฤดูร้อนสิ้นสุดลง โรงภาพยนตร์ในสหรัฐฯ กำลังมองหาการกระตุ้นความสนใจในการถ่ายทำภาพยนตร์ด้วย National Cinema Day ซึ่งเป็นงานวันเดียวที่จะได้เห็นสถานที่ที่เข้าร่วมรายการขายตั๋วหนังในราคาต่ำเพียงสามดอลลาร์ โดย Cinema Foundation ซึ่งเป็นสาขาไม่แสวงหาผลกำไรของ National Association of Theatre Owners ประกาศงานดังกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ตามรายงานของAssociated Press National Cinema Day จะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 3 กันยายนนี้ ที่โรงภาพยนตร์มากกว่า 3,000 แห่งทั่วสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีหน้าจอที่เข้าร่วมประมาณ 30,000 โรง สำหรับการอ้างอิง มีโรงจอประมาณ 40,700 โรงในประเทศ

“หลังจากการกลับมาสู่โรงภาพยนตร์อีกครั้งในฤดูร้อนนี้ เราต้องการทำบางสิ่งเพื่อเฉลิมฉลองการชมภาพยนตร์” แจ็กกี้ เบรนเนมัน ประธานมูลนิธิภาพยนตร์กล่าวในแถลงการณ์ “เรากำลังทำมันโดยเสนอ ‘ขอบคุณ’ ให้กับผู้ชมภาพยนตร์ที่ทำให้ช่วงซัมเมอร์นี้เกิดขึ้น และเสนอสิ่งล่อใจพิเศษสำหรับผู้ที่ยังไม่ได้กลับมาชมภาพยนตร์เลยในช่วงโควิด”

National Cinema Day การกระตุ้นรายได้เข้าสู่โรงภาพยนตร์และเชิญชวนให้คนออกมาดูหนังนอกบ้านมากขึ้น

วันภาพยนตร์แห่งชาติมาถึงในขณะที่โมเมนตัมของบ็อกซ์ออฟฟิศช่วงฤดูร้อนได้หายไปหมด สุดสัปดาห์นี้ซีรีย์ที่ทำรายได้รวม 52.7 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นสุดสัปดาห์ที่ทำรายได้ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ โดยภาพยนตร์เรื่องใหม่ “The Invitation”, “Three Thousand Years of Longing” และ “Breaking” ล้วนแต่ทำรายได้เปิดตัวค่อนข้างน้อยซึ่งทางโรงภาพยนตร์ต่างหวังว่าวัน National Cinema Day จะทำให้การชมภาพยนตร์กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งในช่วงที่รกร้างว่างเปล่า ขณะเดียวกันก็สร้างกระแสฮือฮาให้กับภาพยนตร์ที่ออกฉายในฤดูใบไม้ร่วงด้วย ผู้จัดงานยังได้รายงานว่าโครงการดังกล่าวเป็นการทดลองสำหรับสิ่งที่จะกลายเป็นงานประจำปี National Cinema Day ถือเป็นการลดราคาภาพยนตร์ครั้งแรกในระดับนี้ในยุคสมัยใหม่ โดยผสมผสานเครือข่ายโรงภาพยนตร์ที่แข่งขันกันและสถานที่อิสระ


งานนี้ยังสอดคล้องกับการเปิดตัว “Spider-Man: No Way Home, The More Fun Stuff Version” ในช่วงสุดสัปดาห์วันแรงงาน ซึ่งเป็นรุ่นต่อยอดของ Marvel mega-hit ของเทศกาลวันหยุดที่ผ่านมาซึ่งทำเงินได้ 804 ล้านดอลลาร์จากบ็อกซ์ออฟฟิศในประเทศซึ่งนอกจากโรงภาพยนตร์ในสหรัฐฯแล้วโรงภาพยนตร์ในสหราชอาณาจักรเองก็ได้จัดงาน วันภาพยนตร์แห่งชาติเช่นกันซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 3 กันยายนเช่นกันโดย โรงภาพยนต์ 550 แห่งทั่วสหราชอาณาจักรจะเฉลิมฉลองภาพยนตร์และภาพยนตร์ภายใต้ชื่อ National Cinema Day โดยงานนี้จะมีส่วนร่วมของเครือโรงภาพยนตร์รายใหญ่ของสหราชอาณาจักรทั้งหมดรวมถึงผู้ประกอบการโรงหนังขนาดเล็กและสถานที่ต่างๆ จะเห็นโรงภาพยนตร์ที่เข้าร่วมทั้งหมดเสนอตั๋วสำหรับการฉายทั้งหมดตั้งแต่ 3 ปอนด์ ($ 3.50) จุดมุ่งหมายคือการส่งเสริมให้ผู้ชมภาพยนตร์จำนวนมากและกว้างที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพลิดเพลินไปกับประสบการณ์หน้าจอขนาดใหญ่และการเฉลิมฉลองมาถึงในขณะที่ภาคภาพยนตร์ในสหราชอาณาจักรฟื้นตัวขึ้นหลังเกิดโรคระบาด โดยทั้งบ็อกซ์ออฟฟิศและการรับเข้าเรียนตอนนี้ติดตามที่ 80% ของระดับการทำลายสถิติในปี 2018 และ 2019 ซึ่งเป็นปีที่ใหญ่ที่สุดสำหรับภาพยนตร์ที่เข้าฉายตั้งแต่ปี 1970

เครดิตรูปภาพ variety.com

#ดอลล่า#ข่าวบันเทิง #ภาพยนต์

Categories
ข่าวบันเทิงดารา

แนะนำผลงานการแสดงที่โดดเด่นของพัคโบกอม ที่แฟนๆไม่ควรพลาด 

พัคโบกอม หรือ เจ้าของฉายาสามีแห่งชาติ หนุ่มหล่อเกาหลีขวัญใจสาวไทย เขาเป็นอีกนักแสดงคนหนึ่งที่ไม่ว่าจะแสดงซีรีส์หรือภาพยนตร์เรื่องไหน ก็ได้กระแสตอบรับดีเยี่ยมจากแฟนคลับมาโดยตลอด เพราะด้วยรอยยิ้มที่แสนหวาน และฝีมือการแสดงที่ดีเยี่ยม จึงส่งผลให้เขาเป็นนักแสดงแถวหน้าของเกาหลีนั่นเองค่ะ สำหรับวันนี้เราจะมาแนะผลงานการแสดงที่โดดเด่นของพัคโบกอม ที่แฟนๆไม่ควรพลาด จะมีเรื่องไหนบ้าง ตามไปดูกันเลย

1.Reply 1988

ในเรื่องนี้ พัคโบกอม รับบทเป็น ชเวแทค เด็กเนิร์ด พูดน้อย เป็นละครแนวครอบครัว ฟีลกู๊ด อบอุ่นหัวใจ ที่บอกเล่าเรื่องราวในปี 1988 โดยมุ่งเน้นไปที่ครอบครัวทั้ง 5 และมิตรภาพของกลุ่มเพื่อน ที่อาศัยอยู่ย่านเดียวกัน โดยแต่ละครอบครัวจะมีสไตล์การใช้ชีวิตที่แตกต่างกันในด้านฐานะ แต่ก็ยังมีการช่วยเหลือเกื้อกูลกันอยู่เสมอ ตัวเนื้อเรื่องยังสอดแทรกแง่คิดต่างๆ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของครอบครัว เพื่อนสนิท เพื่อนบ้าน เรียกได้ว่าเป็นซีรี่ย์ที่สื่อออกมาได้อย่างลงตัวสุดๆ

2.Moonlight Drawn by Clouds

โดยในซีรี่ย์เรื่องพัคโบกอมได้รับบทเป็น องค์รัชทายาท อียอง กับเรื่องป่วนๆ ของ ฮงราอน หรือขันทีฮง หญิงสาวที่ปลอมตัวเป็นขันทีในวัง ด้วยความฉลาด และเจ้าเล่ห์ ทำตัวเป็นกูรูเรื่องความรัก จนบังเอิญทำให้เธอได้เจอกับองค์รัชทายาทอียอง ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้ว่าเธอคือผู้หญิง แต่แล้วองค์รัชทายาทก็ดันไปตกหลุมรักเธอที่ปลอมเป็นขันที จึงเกิดเรื่องราวรักวุ่นๆ 

3.Encounter

เป็นเรื่องราวความรักระหว่าง ชาซูฮยอน ลูกสาวนักการเมืองที่มีชื่อเสียงที่ตัดสินใจแต่งงานกับทายาทเศรษฐีเพื่อเสริมบารมีให้พ่อแต่แล้วทั้งคู่ก็ได้หย่ากัน กับ คิมจินฮยอก ที่รับบทโดย พัคโบกอม ผู้ชายธรรมดาๆ และเป็นคนที่เรียนรู้ที่จะหาความสุขจากสิ่งเล็กๆรอบตัว ในวันหนึ่งหลังจากที่ทั้งคู่ได้เจอกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ ความแตกต่างของทั้งคู่กลับนำพาไปสู่ความโรแมนติกบีบหัวใจจนทำให้ชีวิตของทั้งสองคนเปลี่ยนแปลงไป

4.Record of Youth

เป็นเรื่องราวของหนุ่มสาวในวงการโมเดลลิ่ง และแฟชั่นบันเทิง พวกเขาต้องต่อสู้กับความมั่นใจ ความโดดเดี่ยว และต้องพยายามพิสูจน์ตัวเอง รวมถึงการดิ้นรนแข่งขัน เพื่อให้ตัวเองประสบความสำเร็จตามความฝัน โดยในเรื่องนี้พัคโบกอมรับบทเป็น ซาฮเยจุน นายแบบชื่อดังที่อยากผันตัวมาเป็นนักแสดง เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งซีรี่ย์ที่ดูแล้วช่วยจุดประกายให้อยากพัฒนาตัวเองเลยล่ะค่ะ

เครดิตภาพ : pantip

#ข่าวบันเทิง #ไอดอลเกาหลี #พัคคอมโบ