Tag: อัพเดทข่าวดาราศิลปิน

ป๊อบ ปองกูล สืบซึ้ง ถือเป็นนักร้องคุณภาพอีกคนหนึ่ง โดยมีชื่อเสียงมาจากรายการ “เฟิร์สต์สเตจโชว์” (First Stage Show) ประจำปี พ.ศ. 2547 และเป็นอดีตนักร้องนำวง แคลอรี่ส์ บลาห์ บลาห์ ปัจจุบันป๊อบจะมีผลงานเพลงในฐานะศิลปินเดี่ยวภายใต้สังกัดแกรมมี่ ซึ่งป๊อบก็ได้มีผลงานเพลงออกมาให้เราได้ติดตามกันมากมาย โดยแต่ละเพลงก็มีเนื้อหาที่ซึ้งกินใจมากๆเลยล่ะค่ะ วันนี้เลยขออาสามาแนะนำเพลงฮิตติดหูของป๊อบปองกูลกันค่ะ ว่าแต่จะเพลงไหนบ้าง ตามไปดูกันเลย

1.คนที่ไม่เข้าตา 

สำหรับเพลงนี้เป็นเพลงที่เคยฮิตติดชาร์ตวิทยุยาวนานมาก ถือเป็นเพลงแจ้งเกิดที่สร้างชื่อเสียงให้กับวง แคลอรี่ส์ บลาห์ บลาห์ รวมถึง ป๊อบ ปองกูลด้วย เป็นเพลงที่ใครๆก็จำได้ เป็นเพลงเกี่ยวกับผู้ชายธรรมดาๆที่เจียมเนื้อเจียม ตามหารักแท้ ทำให้เพลงนี้เป็นเพลงในดวงใจของใครหลายต่อหลายคน 

2.ภาพจำ

หากพูดถึงเพลงฮิตของ ป๊อบ ปองกูลคงขาดเพลงนี้ไปไม่ได้ กับเพลง ภาพจำ ที่การันตีความฮิตด้วยยอดวิว ทะลุ 100 ล้านวิว แล้วโดยเนื้อหาเพลงเป็นเรื่องราวของผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่อาจลืมเลือนเรื่องราวระหว่างตัวเองกับคนที่รักได้

3.ปล่อย

เป็นเพลงของคนที่ตั้งใจจะตัดใจจากความรัก ด้วยการปล่อยคนที่รัก และพร้อมจะเริ่มต้นใหม่ แต่ช่วงเวลาที่ยากที่สุดคือช่วงเวลาก่อนที่จะตัดใจนั่นเอง เพราะต้องเจอกับอารมณ์เหงา เศร้า ผิดหวังมากมากที่ต้องสู้กับมันให้ได้ เป็นบทเพลงแสนเศร้าที่เยียวยาหัวใจของใครหลายๆคนได้ดี โดยเฉพาะท่อน แล้วมันจะผ่านไปด้วยดี ถือเป็นอีกหนึ่งเพลงที่ได้ยินบ่อยมากตามที่ต่างๆ

4.ไม่รู้จักฉัน ไม่รู้จักเธอ

เป็นเพลงที่ ป๊อบ ปองกูล ร้องฟีเจอริ่งกับสาวเสียงห้าว ดา เอ็นโดรฟินรวมถึงเป็นบทเพลงที่ใช้ประกอบภาพยนตร์เรื่อง “สายลับจับบ้านเล็ก” กับเนื้อเพลงที่ติดปาก บวกกับทำนองไพเราะติดหู จนคว้า อันดับเพลงฮอตท็อป 1 ของประเทศไปครอง ในปี 2550 

5.ระหว่างที่รอเขา

เป็นเพลงที่ ป๊อบ ปองกูล ร้องฟีเจอริ่งกับ ธีร์ ไชยเดช เป็นเพลงเศร้าช้าๆ ที่ฟังแล้วดึงอารมณ์ให้ดำดิ่ง เมื่อร้องเข้ากลับนักร้องเสียงนุ่มอย่าง ธีร์ ไชยเดช เป็นเพลงของคนแอบรักที่เสียสละยอมอยู่เป็นเพื่อนยามที่เธอไม่มีใคร แม้ในใจจะรู้ว่าเธอรอใครบางคนอยู่ เชื่อว่าเป็นอีกหนึ่งผลงานเพลงที่ติดตรึงใจใครหลายต่อหลายคน

เครดิตภาพ : youtube.com

#เพลงฮิต#ดารานักร้อง #ข่าวบันเทิง

ใครเป็นคนคลั่งรักแต่ไม่กล้าบอกรักตรงๆ เรามีตัวช่วย บอกเลยว่าเป็นตัวช่วยที่จะทำให้คนรักของเราประทับใจแน่นอนค่ะ นั่นก็คือ การมอบเพลงรักหรือเปิดเพลงรักให้ฟัง แต่ถ้าจะให้พิเศษกว่าเดิมก็ร้องให้ฟังไปเลย รับรองว่าเป็นความทรงจำที่ดีเลยทีเดียว หากอยากรู้กันแล้วว่ามีเพลงไหนบ้าง ก็ตามไปดูพร้อมกันเลย 

1.จากนี้ไปจนนิรันดร์ 

เป็นเพลงที่เนื้อหาดีมากๆ เป็นการเล่าเรื่องของความรักครั้งแรกพบ โดยเฉพาะท่อนฮุคสุดฮิต “ฉันไม่เคยรักไม่เคยรู้ ว่าชีวิตมันดีเช่นไร เมื่อได้มีบางคนข้างกาย เมื่อได้มีเธออยู่ข้างๆกัน ฉันมอบชีวิต ต่อจากนี้ไปจนนิรันดร์ ทั้งหัวใจคือเธอเท่านั้น รักของเราจะอยู่จนวันตาย” เป็นท่อนที่มีความหมายลึกซึ้งมากจริงๆ ทำให้สัมผัสได้ถึงความรักที่บริสุทธิ์ที่มีให้กันจริงๆ เหมาะแก่การมอบให้คนรักหรือคนที่มั่นใจแล้วว่าจะมาเป็นคู่ชีวิต เพราะเนื้อเพลงหมายถึงจะไม่รักใครอีกแล้วนอกจากคุณคนเดียว 

2.มากกว่ารัก 

เป็นอีกหนึ่งในเพลงประกอบภาพยนตร์ที่เรียกได้ว่าดังทั่วบ้านทั่วเมืองกันเลยทีเดียว เชื่อว่าไม่มีใครไม่เคยฟังเพลงนี้ เนื้อหาของเพลงสัมผัสได้ถึงความโรแมนติก เหมาะสำหรับมอบให้คนรักที่รอคอยกันมาอย่างยาวนาน ด้วยท่อนฮุคสุดกินใจ “เธอเป็นมากกว่ารัก เพราะเธอนั้นคือครึ่งชีวิต ฉันใช้เวลาทั้งชีวิต เพื่อตามหา และรอคอยเธอมาแสนนาน” เป็นท่อนที่พิเศษมากๆ เพราะเราเจอคนที่รอคอยมาอย่างยาวนานสักที 

3.สองคน หนึ่งใจ

เพลงที่ผสมผสานระหว่างเพลงแนว R&B และป๊อปร็อกได้อย่างลงตัว จนกลายเป็นเพลงฮิตติดหูที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน ความหมายของเพลงสัมผัสได้ถึงความรักที่ไม่ว่าจะมีอุปสรรคมากมายแค่ไหนก็ไม่สามารถทำให้เราต้องแยกจากกันได้ เหมือนท่อนที่ว่า “เหมือนดังเมฆฝน คู่กับฟ้า เหมือนว่าขาคู่กับแขนเหมือนว่าแสงคู่กับสี เหมือนโลกนี้ คู่กับน้ำ เหมือนที่ฉันคู่กับเธอ ไม่มีวันห่างหาย” 

4.คู่ชีวิต 

เพลงรักสุดโรแมนติกที่นักร้องได้แต่งเพลงและร้องให้แฟนของตัวเอง ถือเป็นอะไรที่พิเศษมากๆ หากมีใครทำอะไรแบบนี้ให้คงจะฟินไม่น้อย เป็นเพลงที่มีความหมายดีมาก เป็นเรื่องราวความรักของทั้งคู่ที่ก้าวผ่านทุกอย่างมาด้วยกัน ไม่ว่าจะทุกข์หรือสุข เป็นเพลงที่เหมาะแก่การมอบให้คนที่คิดว่าอยากให้เขามาเป็นคู่ชีวิต รับรองว่าเขาต้องประทับใจมากแน่ๆค่ะ 

เครดิตภาพ : youtube

#ดารานักร้อง #เพลงฮิต #เพลงคนคลั่งรัก

สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้เราก็จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับหนึ่งในนักร้องและนักแสดงที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ขณะนี้ ซึ่งต้องบอกเลยว่าเป็นคนที่มากความสามารถทั้งด้านดนตรีและการแสดง เค้าคนนั้นก็คือ เจฟ วรกมล ซาเตอร์ (Jeff Satur) ศิลปินน้องใหม่จากค่าย Warner Music Thailand

เจฟ วรกมล ซาเตอร์ หนุ่มลูกครึ่งไทย-อังกฤษ เป็นนักแสดง แล้วก็นักร้อง เกิดเมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2538 จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต โดยจุดเริ่มต้นในการร้องเพลงเกิดขึ้นในตอนที่เจฟเรียนอยู่ และเริ่มก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงในปี พ.ศ. 2556 โดยการเป็นศิลปินในสังกัด กามิกาเซ่ ของเครืออาร์เอส ซึ่งจะเป็นที่รู้จักในชื่อ Jeff Demo Project นั่นเอง เจฟเป็นอีกหนึ่งคนที่มีประสบการณ์ในวงการบันเทิงหลากหลายสาขา ไม่ว่าจะเป็นการร้องเพลง การแต่งเพลง โปรดิวเซอร์ และรวมถึงการแสดงตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่องสั้น และซีรีย์ เจฟได้รับรางวัลมากมาย RISING FOREIGN COUPLE OF THE YEAR 2020 จาก VOICE POINT 2021 ประเทศฟิลิปินส์ พ่วงด้วยตำแหน่ง หนุ่ม GQ Popular Vote 2021 

แต่ถึงอย่างนั้น หลายคนก็ยังไม่รู้จักเขาดีพอ จนกระทั่ง เจฟ ซาเตอร์ ได้มีโอกาสมาเล่นซีรีส์วายแนวมาเฟียสุดเข้มข้นเรื่อง KinnPorsche The Series ในบทของ คิม น้องเล็กแห่งตระกูลมาเฟีย ผู้ที่ซึ่งดูสันโดษและเงียบขรึม ในบรรดาลูกชายทั้งสามของตระกูล ทำให้แฟนซีรีส์เริ่มรู้จักและติดตามกันเป็นจำนวนมาก และนอกจากงานด้านการแสดงแล้ว เจฟ ซาเตอร์ (Jeff Satur) ยังเป็นศิลปินของค่าย Warner Music Thailand ค่ายเพลงที่ไร้ขีดจำกัดในการทำงานทางดนตรี ซึ่งในปัจจุบันนี้ เจฟ ได้มีซิงเกิลเป็นของตัวเอง 4 เพลง ซึ่งแต่ละเพลงได้รับความนิยมและมียอดวิวที่สูงมากอีกด้วย

ต้องบอกเลยว่าคาแรคเตอร์ของเจฟในซีรีส์และในชีวิตจริงนั้นแตกต่างกันมาก คาแรคเตอร์ตัวละครคิมในซีรีส์ จะเป็นแนวสุขุม นิ่งๆดูไม่สนใจอะไรฉลาดและรู้ทุกอย่าง ส่วนในชีวิตของเจฟนั้นเป็นคนที่ขี้เล่น ขี้เเกล้ง และชอบสร้างเสียงหัวเราะให้กับคนริบข้างอยู่บ่อยๆ และที่สำคัญ เจฟเป็นคนที่คอยซับพอร์ตเพื่อนๆพี่ๆน้องๆทุกคนอยู่เสมอ

ส่วนตัวแล้วเคยฟังของเจฟ ตั้งแต่ตอนที่อยู่ค่ายกามิกาเซ่แล้ว รู้สึกชอบมากก เสียงละมุน แลดูอบอุ่น หากใครที่ชอบก็หาเวลาว่างไปฟังผลงานเพลงของเจฟกันได้นะคะที่ยูทูปก็มีค่ะ นอกจากผลงานเพลงแล้ว เจฟก็มีผลงานในด้านละครอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องHE SHE IT (2019) ,Ingredients (2020) ,Love Area The Series (2021) ,Love Area The Series Part 2 (2022) 

เครดิตภาพ : dara.com

#ดารานักร้อง #เฟวรกมล #ข่าวบันเทิง

ต้องบอกเลยว่าปัจจุบันนี้มีเพลงยอดฮิตมากมายที่ฟังแล้วติดหูสุดๆ แถมแต่ละเพลงก็มียอดวิวสูงมากทีเดียว และแน่นอนว่ามีเพลงใหม่ๆปล่อยออกมาให้ฟังกันอย่างต่อเนื่อง ฟังได้เพลินๆทั้งวัน วันนี้เราจึงคัดสรรเพลงฟังสบายๆชิลๆมาแนะนำให้ทุกคนฟังกันในวันนี้ ไปดูกันเลยว่าจะมีเพลงแนวไหนบ้าง

1.ดึงดัน 

อีกหนึ่งเพลงที่เรียกว่าเป็นการกลับมาของตั๊ก ศิริพร เสียงที่หลายคนคุ้นเคย และแน่นอนว่าการกลับมาอีกครั้งเธอไม่เคยทำให้ทุกคนผิดหวัง น้ำเสียงของเธอยังไพเราะเช่นเคย และอีกหนึ่งศิลปินเจ้าของเพลง นั่นก็คือ cocktail เป็นเพลงที่สามารถผสมผสานแนวเพลงของทั้งคู่ออกมาได้อย่างลงตัว เรียกว่าได้เห็นสไตล์ของศิลปินอย่างเต็มที่ ไพเราะและติดหูสุดๆ 

2.ถ้าเธอรักฉันจริง

เพลงรักสามเศร้าที่หลายคนคุ้นเคยกับวงนี้เป็นอย่างดี Three Man Down จะทำแนวเพลงเกี่ยวกับเพลงเศร้า เรียกว่าเศร้าจนร้องไห้ได้เลยทีเดียว ซึ่งเพลงนี้จะเกี่ยวกับการลืมแฟนเก่าไม่ได้ ไม่ว่าจะมีคนใหม่กี่คนเข้ามาก็ไม่สามารถลืมแฟนเก่าได้ และไม่มีใครแทนที่ได้เลยจริงๆ ถือเป็นอีกเพลงเศร้าที่ไพเราะและติดหูมากๆ เนื้อหาลึกซึ้งทำเอาคนฟังร้องไห้ได้เลย

3.แฟนใหม่หน้าคุ้น 

ยังคงเป็นเพลงฮิตที่โดนใจใครหลายๆคน ด้วยเนื้อหาของเพลงที่เกี่ยวกับคำพูดของแฟนเก่าที่บอกว่าไม่มีอะไรเป็นแค่เพื่อนหรือพี่น้องกันเท่านั้นเอง แต่เมื่อเลิกกันไปกลับไปคบกับคนที่บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน และด้วยท่อนแร็ปสุดกินใจที่โดนใจสุดๆ ทำให้เพลงนี้กลายเป็นเพลงสุดฮอตฮิตข้ามปีกันเลยทีเดียว เป็นเพลงของ MAIYARAP ft. MILLI แรปเปอร์สุดฮอตนั่นเอง 

4.Undo

เป็นอีกหนึ่งเพลงที่นำศิลปินที่มีความแตกต่างด้านการร้องเพลงมาผสมผสานจนสามารถร้องคู่กันได้อย่างลงตัว POP PONGKOOL ศิลปินเพลงป๊อบ และ WONDERFRAME ศิลปินเพลงแร็ป เรียกว่าเป็นเพลงที่ทำออกมาได้อย่างลงตัว เนื้อหาของเพลงเกี่ยวกับการทำผิดแต่พึ่งรู้ตัวในตอนที่มันสายไปแล้ว เสียคนรักไปแล้ว อยากขอโอกาสกลับไปแก้ไข แต่ชีวิตไม่ได้มีปุ่ม Undo ให้กลับไปแก้ไขอะไรได้เลย เป็นอีกเพลงยอดฮิตที่ฟังเพลินๆได้ทั้งวัน

เครดิตภาพ :youtube.com

#ข่าวบันเทิง #เพลงน่าฟัง #ข่าวเพลง

แม้ว่าในปัจจุบัน สถานการณ์ต่าง ๆ ของประเทศเกาหลีใต้จะอยู่ในความสงบ ไม่ต้องส่งกองกำลังทหารออกสู้รบกับใคร แต่ในเชิงจิตวิทยาและในทางเทคนิคแล้ว ทั้งสองประเทศเกาหลีเหนือและใต้ยังคงพร้อมที่จะทำสงครามกันอยู่ แม้ว่าจะมีการลงนามในสัญญาหยุดยิง มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2496 และได้มีความพยายามสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อกันเรื่อยมา ดังนั้นมาดูกันว่าไอดอลเกาหลีเข้ากรมจะมีใครบ้างที่กำลังตบเท้าเป็นทหารรับใช้ชาติอย่างภาคภูมิ ไปกันเลย

หนุ่มเกาหลีใต้ทุกคนต้องไปเป็นทหาร

เมื่อประเทศตกอยู่ภาวะกินไม่ได้คายไม่ออกเช่นนี้ ชายเกาหลีใต้ทุกคนที่มีสภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง และมีอายุครบ 18 ปีขึ้นไป ต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหาร โดยสามารถขอผ่อนผันได้ตามเหตุผลอันสมควร ไปจนถึงอายุ 28 ปี สำหรับศิลปินไอดอล ดาราที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศและประสบความสำเร็จในระดับโลก สามารถขยายการผ่อนผันได้จนถึงอายุ 30 ปี ตามกฎหมายที่ได้บัญญัติขึ้นมาใหม่ ซึ่งมีการเพิ่มเติมจากการให้สิทธิเฉพาะนักกีฬาที่ได้รับรางวัลระดับนานาชาติ เช่น เอเชียนเกมส์ โอลิมปิก หรือนักดนตรีคลาสสิกที่มีชื่อเสียงก้องโลกเท่านั้น ในปีนี้มีใครบ้างไปส่องกัน

1. Jin BTS หรือ คิม ชอกจิน (Kim Seok-Jin) เกิดเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ค.ศ. 1992 เป็นนักร้อง นักแต่งเพลง และหนึ่งในสมาชิกวงบอยแอบนด์ชื่อดัง BTS สังกัด Big Hit Entertainment ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ค.ศ. 2013 และเขาก็มีอายุมากที่สุดในวงอีกด้วย ทั้งนี้เขาจะมีอายุครบ 30 ปีในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2022 ทำให้ต้องเข้ารับใช้ชาติอย่างเป็นทางการไม่สามารถผ่อนปรนหรือยืดหยุ่นไปได้อีก จนต้องมีการนำร่างกฎหมาย BTS Law หรือการยกเว้นการเกณฑ์ทหารได้หยิบยกขึ้นมาทบทวนกันอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตามทาง จิน ก็ไม่ได้เรียกร้องให้แก้ไขกฎหมาย เขายินดีที่จะรับใช้ชาติ และปฏิบัติตามระเบียบและหน้าที่ให้กับกองทัพอีกด้วย

2. P.O Block B หรือ พโย จีฮุน (Pyo Jihoon) เกิดเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1993 สมาชิกวง Block B อีกหนึ่งไอดอลเกาหลีเข้ากรม โดยได้ยื่นใบสมัครเพื่อเข้าไปทำหน้าที่ในกองทัพเรือ และจะปฏิบัติตามหน้าที่ให้สำเร็จ ทั้งนี้เขาเคยผ่อนผันมาแล้วในปี ค.ศ. 2021 และเมื่อครบกำหนดเขาเองยินดีที่จะไปทำหน้าที่ลูกผู้ชายอย่างสมบูรณ์  

3. Ravi VIXX ชายหนุ่มลุคแบดแร็ปเปอร์ที่สาว ๆ หลายคนต่างตกหลุมรัก ราวี่ หรือชื่อจริง Kim Wonshik เกิดเมื่อวันที่ 15 กุมภาพัน ค.ศ. 1993 อีกหนึ่งไอดอลที่ต้องเข้ากรมเช่นกัน โดยเขาได้ประกาศผ่านรายการ 2 Days & 1 Night Season 4 ช่อง KBS 2TV ว่าได้เตรียมตัวที่จะเข้าปฏิบัติหน้ามี่ในกองทัพอย่างภาคภูมิ และราวี่ได้เขียนจดหมายด้วยลายมือแสดงความขอบคุณก่อนที่จะอำลารายการ ทั้งนี้สมาชิกในรายการได้อวยพรและหวังว่าเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจรับใช้ชาติ พวกเขาจะกลับมาร่วมงานด้วยกันต่อไป 

4. Kai EXO ศิลปินหนุ่มมากความสามารถ ที่รู้จักกันดีในชื่อ ไค หรือ คิม จงอิน (Kim Jong In) เขาเกิดวันที่ 14 มกราคม ค.ศ. 1994 นักร้อง นักเต้น นายแบบ นักแสดง และหนึ่งในสมาชิกวง EXO บอยแบนด์สัญชาติเกาหลีใต้และจีน นอกจากนี้ยังเป็นสมาชิกในยูนิต EXO-K รวมถึง SuperM ที่เป็นเจ้าของฉายาอเวนเจอร์ K-POP สังกัด SM Entertainment และในปีนี้เขาเองก็ต้องตบเท้าเข้ากรมรับใช้ชาติเช่นกัน

5. นัมจูฮยอก พระเอกหนุ่มสุดฮอตจากซีรีส์ Twenty Five, Twenty One เกิดเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1994 ที่เมืองปูซาน นายแบบนักแสดงชื่อดังที่กำลังมีผลงานฮอตฮิตใน Netflix และได้รับความนิยมเป็นอย่างมากอยู่ในขณะนี้ แต่อย่างไรก็ตามเขาก็เป็นอีกหนึ่งไอดอลเกาหลีเข้ากรม ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีข่าวว่าจะมีการขอผ่อนผันแต่อย่างใด นับว่าเขามีความพร้อมในการรับใช้ชาติเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของไอดอลเกาหลีเข้ากรมเท่านั้น ยังมีอีกหลายคนที่กำลังรับใช้ชาติและเตรียมตัวปลดประจำการ แต่อย่างไรก็ตามการเกณฑ์ทหารเป็นวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นในแถบอาเซียนหลายประเทศ เนื่องจากต้องมีการเตรียมความพร้อมสำหรับรับมือในหลาย ๆ สถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นภัยพิบัติ และอื่น ๆ เป็นต้น

เครดิตภาพ : btblackxswan.com / twitter.com

#ข่าวไอดอล #ดาราเกาหลี #K-pop

งานเข้าแบบงงๆค่ะ สำหรับสาวดาราพิธีกรนั่นก็คือ สาวบูม สุภาพร หลังที่จากก่อนหน้านี้ได้มีการปล่อยภาพสุดเซ็กซี่ออกมา พอปล่อยออกมาได้มีคนหลายคนไปโฟกัสที่ความผอมจนเห็นกระดูก

เลยเข้างานของมิจฉาชีพเลย ที่มีการนำรูปถ่ายของสาวบูม สุภาพรไปแอบอ้างขายยาลดน้ำหนักโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น และที่สำคัญเจ้าตัวไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเหมือนที่ถูกแอบอ้างด้วย โดยสาวบูม สุภาพรได้ชี้แจงกับเหตุดังกล่าว ที่มีการนำโรคของเธอไปใช้พร้อมเขียนแคปชั่นว่า

กำจัดน้ำหนักส่วนเกินได้ลดน้ำหนัก 18-20 กิโลกรัมภายใน 2 สัปดาห์รับรองโดยผู้เชี่ยวชาญอย.ฝากเบอร์โทรศัพท์ไว้ ที่ปรึกษาจะติดต่อกลับเพื่อขอคำแนะนำโดยละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และโปรโมชั่นสำหรับสาวบูม สุภาพรได้เขียนแคปชั่นเอาไว้ว่า Fake news อย่าไปหลงเชื่อนะคะ เพจเอารูปของบูมไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต บูมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆกับผลิตภัณฑ์ ตามลิงค์ที่แอบอ้างดังกล่าว และจะมีการดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไปค่ะ แถมงานนี้มีเพื่อนๆในวงการเข้ามาให้กำลังใจและสนับสนุนให้สาวบูม ดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด เช่น ต้องฟ้องและดำเนินการให้เร็วที่สุด เป็นต้น 

หลังจากก่อนหน้านี้ สาวบูม สุภาพรก็ได้ปล่อยภาพสุดเซ็กซี่ไปในไอจี สำหรับหลายๆคนบอกว่าเธอผอมอีกทั้งได้มีหลายๆคนเป็นห่วงว่า สาวบูมสวยนะแต่ได้ผอมเกินไป ช่วงนี้สาวบูมก็ขอเปิดใจเคลียร์ชัดหน่อยเพราะว่า สาวบูม สุภาพรเธอมีข่าวมาบ่อยเรื่องที่เธอผอมเกินไป ถ้าใครที่ติดตามเธอในไอจี สาวบูม ก็ไม่ได้อดอาหารนะคะเธอเป็นคนที่กินเยอะมากๆคนนึง กินอาหารและของมันด้วย ถึงแม้ว่าเธอจะผอมแต่น้ำตาลสูงแล้วร่างกายของเธอก็มีอาการแปลกๆเหมือนกัน คือถ้าหยุดออกกำลังกายร่างกายไม่อ้วนขึ้น กับทำให้ซูบผอมลง ทำให้เธอมั่นใจว่าอาจจะเป็นอาการของไฮเปอร์ไทรอยด์หรือเปล่า ส่วนการที่มีคนมาทักเธอเยอะๆ เธอบอกว่าเธอไม่น้อยใจอะไรเลยเพราะนั่นคือร่างกายของตัวเองแล้วก็ยืนยันกับพี่ๆทุกคนว่า หนูไม่ใช่สาวคลั่งผอม แต่ว่าร่างกายหนูมันเผาผลาญเร็ว แล้วก็จะขอดูแลตัวเองทั้งรูปร่างและก็สุขภาพ เธอยังบอกอีกว่า เราทุกคนอย่าชะล่าใจไป ถ้าเห็นเธอแบบผอมเราควรจะต้องรีบเช็คร่างกายตัวเองกันนะคะ

ผลงานการแสดงละครของ สาวบูม สุภาพร

ปี พ.ศ. 2549

• รวมพลคนแจ๋ว รับบท เฟื่องฟ้า

ปี พ.ศ. 2561

• อังกอร์ รับบท อังกอร์

ปี พ.ศ. 2563

• เลห์บรรพกาลร์ รับบท ปักบุญ จุลโภค/บุญเหลือ/ทิณสรี
• ดาวคนละดวง รับบท ดร.ชลันธร
• เลือดเจ้าพระยา รับบท ศรีนวล

“สุขภาพของคุณเป็นสิ่งที่คุณทำ ทุกสิ่งที่คุณทำ ว่าจะเพิ่มความมีชีวิตชีวา พลังงานและวิญญาณที่คุณครอบครอง หรือนำออกไปจากมัน”

เครดิต : www.innnews.co.th

#ข่าวดราม่าดารา #สุภาพร #ข่าวบันเทิง

ตอนนี้ไม่มีใครร้อนแรงไปกว่าสาวคังคุไบ ชี Alia Bhatt แห่ง Gangubai Kathiawadi จากการที่ดูหนังมาแล้วนั้นอินกับนางเอกสุดๆก็คือหลงความสวยไม่ไหว 

เธอนั้นมีชื่อว่า อาเลียได้เข้าวงการตั้งแต่มีอายุ 6 ขวบ ผลงานของเธอมีหนังมากมาย แถมเคยได้รางวัลนักแสดงนำหญิงจากเรื่อง Highway, UdtaPunjab, Raazi เมื่อปี 2017 นิตยสาร Forbes India ยกให้อาเลียได้ติดอันดับบุคคล อายุต่ำกว่า 30 ปี ที่ประสบความสำเร็จและติด 100 ผู้ทรงอิทธิพลบนโลกออนไลน์ในปี 2020 มีคนติดตามในไอจีแค่ 64 ล้านคนเอง

ต่อมาในปี 2019-2020 ได้ติดอันดับที่ 1 ในฐานะนักแสดงหญิงที่มีรายได้มากที่สุดในประเทศ รายได้ต่อปีสูงถึง 7.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯถ้าตีเป็นเงินไทยก็ประมาณ 270 ล้านบาทกันเลยทีเดียว ค่าตัวเมื่อรับงานภาพยนต์เรื่องหนึ่งอยู่ 90 ล้านบาท ออกงานแต่ละครั้งประมาณ 9 ล้านบาท

ทรงมีอิทธิพลสมชื่อจริงๆสำหรับของภาพยนตร์ใน Netflix ชื่อเรื่องว่า Gangubai Kathiawadi หญิงแกร่งแห่งมุมไบ ที่เล่าถึงความเป็นโสเภณี แสดงโดย อาเลีย บาตต์ ( Alia Bhatt ) นางเอกชื่อดัง ซึ่งในคาแรคเตอร์ คังคุไบ ของเธอทำให้ถูกจริตผู้รับชม

ตอนนี้ถูกพูดถึงไปทั่วโลกเป็นอย่างมากและนำเทรนด์แบบสุดๆใน ณ ตอนนี้ บทบาทของนางเอกต่างประเทศในภาพยนตร์ Netflix เรื่อง Gangubai Kathiawadi หญิงที่แกร่งแห่งมุมไบ คังคุไบ โสเภณีผู้ทรงอิทธิพล เธอได้เป็นนางเอกชื่อดังของวงการ บอลลีวูด อาเลีย ณ ตอนนี้ทำให้ใครๆ ต่างก็อยากจะทำความรู้จักกับเธอมากขึ้น ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว สำหรับ อาเลีย บาตต์ ผู้รับบท คังคุไบ ทำให้ทุกคนได้เห็นความทรงพลังของเธอจากการแสดง ปัจจุบันนี้เธอมีอายุ 29 ปี ได้เกิดวันที่ 15 มี.ค.พ.ศ.2536 เป็นนักแสดงลูกครึ่ง แคชเมียร์-เยอรมัน มีสัญชาติอังกฤษ อาเลีย ได้รับสายเลือดคนบันเทิงอยู่เต็มเปี่ยม เพราะคุณพ่อของเธอนั้นเป็นถึงผู้กำกับภาพยนต์และ นักเขียนบทโปรดิวเซอร์ ส่วนอีกทั้งแม่ของเธอเป็นนักแสดงมาตั้งแต่อายุ 6 ขวบ อาเลีย ริเริ่มเข้าวงการแล้วได้เริ่มเปิดตัวในฐานะนักแสดงนำหญิงในภาพยนต์ Student of the year เธอบอกไว้ว่าต้องถึงขั้นลดน้ำหนักไปถึง 16 กิโลกันเลยทีเดียว เพื่อรับบทนำในเรื่องนี้นั่นเอง 

บทบาท

คังคุไบ เธอนั้นได้มีบทบาทในรูปแบบของโสเภณีของผู้ที่มีอิทธิพลในภาพยนต์ของ Gangubai Kathiawadi บอกถึงเรื่องราวชีวิตที่ได้สร้างจากชีวประวัติของสตรีอินเดียผู้หนึ่งที่มีแข็งแกร่ง บอกเล่าถึงหญิงสาวคนหนึ่งที่โดนแฟนหนุ่มหลอกพาไปขายให้กับซ่องโสเภณี นั่นเองได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของความยิ่งใหญ่ จนได้กลายเป็นผู้เปลี่ยนแปลงในวงการของโสเภณีที่อินเดียมาจนถึงปัจจุบันนี้ อีกทั้งเธอเป็นผู้ที่เรียกร้องสิทธิสตรีในอาชีพโสเภณีมีความให้ถูกกฎหมายมากขึ้น เพื่อให้สังคมนั้นรับรู้ว่าหญิงสาวทุกคนในทุกอาชีพล้วนต้องมีศักดิ์ศรีเป็นตัวเอง และมาพร้อมกับวลีเด็ดไว้ว่า อาชีพเก่าแก่ที่สุดในโลกคือ โสเภณี หากไม่มีเรา แม้แต่สวรรค์ก็คงไม่สมบูรณ์ นั่นเองค่ะ

สุดท้ายอีกทั้งนี้ อาเลีย มีความสามารถที่ครบเครื่อง ทั้งในด้านการเต้นการร้องเพลงการวาดภาพ รวมถึงกีฬาอย่างเช่น แฮนด์บอล จนได้กลายเป็นนักกีฬามืออาชีพ ขณะเดียวกันเธอยังมีความคลั่งไคล้ในด้านการออกกำลังกาย แถมใส่ใจกับเรื่องของสุขภาพอยู่ตลอดเวลา ตามข้อมูลที่บอกไว้ว่า เธอใช้เวลากับการฝึกอัษฎางคโยคะ คือ การที่รวบรวมหลักการทางจิตวิญญาณมี 8 ประการ รวมถึงความยับยั้งชั่งใจทางด้านศีลธรรม ไม่ว่าจะด้วยท่าทางการควบคุมลมหายใจและด้านการทำสมาธิ ราว 2 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อจัดสมดุลทั้งร่างกายและจิตใจกันเลยทีเดียว

เคดิต : www.komchadluek.

#ดารา #คังคุไบ #ข่าวบันเทิง

กับการถ่ายทำฉากแอคชั่นและอีกมากมาย

หลังจากตอนจบของ “Military Prosecutor Doberman” ทางช่อง tvN ที่นำแสดงโดยนักแสดงสาวโจโบอา (Jo Bo Ah)นั่งลงให้สัมภาษณ์เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์ของเธอ

โจโบอา เน้นอาชีพของเธอในแนวโรแมนติกเป็นส่วนใหญ่ เมื่อเร็วๆ นี้ โจโบอา ได้แสดงบทบาทของเธอในละครเรื่อง “ Tale of the Nine-Tailed ” ทางช่อง tvN “อัยการทหารโดเบอร์แมน” ยังเป็นจุดเปลี่ยนในอาชีพการงานของเธอ ไม่เพียงเพราะประเด็นเท่านั้น แต่ยังเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ของเธอ โจโบอา ตัดผมยาวของเธอในขณะที่เธอเปลี่ยนเป็นชาอูอิน ซึ่งเป็นเพียงหนึ่งในหลาย ๆ วิธีที่เธอเตรียมพร้อมสำหรับบทบาทของเธอในฐานะอัยการทหาร

นักแสดงสาวได้แบ่งปันความคิดของเธอเกี่ยวกับตอนจบของละครโดยกล่าวว่า “มันเป็นตารางงานที่ยุ่งเหมือนฉันไม่ได้ทำมานานแล้ว แต่ต้องขอบคุณสิ่งนั้น ฉันสามารถมีสมาธิกับการแสดงบทบาทของฉันเท่านั้น มันสนุกมากและฉันคิดว่ามันจบลงด้วยดี ฉันเฝ้าติดตามดูตอนต่างๆ แม้ว่าจะยุ่งแค่ไหนก็ตาม และฉันก็น้ำตาไหลในตอนสุดท้ายจริงๆ โครงการนี้เป็นที่รักของฉันมาก จนถึงจุดที่ฉันหวังว่าจะได้ถ่ายทำมากกว่านี้”

ในการให้สัมภาษณ์ในตอนท้ายของ ‘Military Prosecutor Doberman’ โจโบอา ได้เปิดเผยความรู้สึกของเธอเกี่ยวกับงานนี้อย่างตรงไปตรงมาและตรงไปตรงมา

โจโบอา ยังตั้งข้อสังเกตว่าการตัดผมสั้นของเธอทำให้ชีวิตประจำวันของเธอเปลี่ยนไปอย่างไร “แม้ว่าฉันจะรู้สึกเศร้าเล็กน้อยที่จะต้องใช้เวลานานมากสำหรับผมของฉันที่จะยาวเหมือนเมื่อก่อน แต่ชีวิตประจำวันของฉันก็สบายขึ้นมาก” เธอกล่าว “ฉันไม่ต้องเป่าแห้ง และลดระยะเวลาในการดูแลมันลงอย่างมาก เนื่องจากฉันใช้แชมพูน้อยกว่าเมื่อก่อน ฉันจึงซื้อแชมพูราคาแพงกว่าด้วย”

จากนั้นเธอก็พูดถึงข้อสังเกตเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวละครของเธอ ซึ่งสวมสองใบหน้าที่แตกต่างกัน “เนื่องจากอัยการทหาร ชาอูอิน เป็นคนที่ไม่ค่อยคุ้นเคยเมื่อเธออยู่ในเครื่องแบบทหาร ฉันต้องการให้เธอเห็นความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงเมื่อเธอแปลงร่างเป็น ‘เรดอูอิน’” เธออธิบาย “ฉันต้องการดึงเอาความซ้ำซ้อนของ Cha Woo In ซึ่งกลายเป็นอัยการเพื่อดำเนินการตามความยุติธรรม แต่ยังใช้ความชั่วร้ายเพื่อต่อสู้กับความชั่วร้ายที่กฎหมายไม่สามารถเอาชนะได้”

โจโบอา นำฉากแอคชั่นของเธอขึ้นมา ซึ่งเธอบอกว่าเธอคิดว่าจะทดสอบร่างกายของเธอ แต่จริงๆ แล้วกลับได้ผลตรงกันข้าม “ในวันที่เราถ่ายทำฉากแอคชั่น ฉันหมกมุ่นอยู่กับการถ่ายทำจนลืมไปเลยว่าเหนื่อยแค่ไหน” เธอเปิดเผย “ฉันเข้าใจความน่าสนใจของแอ็คชั่นแล้ว และตอนนี้ฉันก็อยากลองแนวแอ็คชั่นอื่นๆ ด้วย”

ฉากจูบระหว่างตัวละครของโจโบอา และอันโบฮยอนในตอนสุดท้ายก็กลายเป็นประเด็นร้อนในหมู่ผู้ชม นักแสดงหญิงเล่าว่าเธอเตรียมตัวสำหรับฉากนี้อย่างไร โดยกล่าวว่า “ละครเรื่องนี้เต็มไปด้วยตอนที่หนักหน่วงโดยทั่วไป ดังนั้นการเพิ่มความรักเข้าไปอาจทำให้ข้อความที่ตั้งใจสับสนได้ ฉันใช้ความคิดอย่างมากในการถ่ายทำ”

จากนั้นเธอก็เปิดเผยว่า “เนื่องจากเราสองคนเข้ากันได้อย่างตรงไปตรงมาเหมือนเพื่อนกัน ฉันจำได้ว่าสิ่งต่าง ๆ ค่อนข้างอึดอัดหลังจากที่เราถ่ายทำฉากจูบ”

โจโบอา ยังไม่มีอะไรดีนอกจากสิ่งดีๆ ที่จะพูดเกี่ยวกับประสบการณ์การทำงานกับอันโบฮยอนของเธอ “เขาเป็นคนที่จริงจัง มีความคิดมากมาย และเกิดมาพร้อมกับบุคลิกที่ดี” เธอกล่าวชม “เนื่องจากเขาเป็นคนที่ฉันรู้สึกสบายใจเวลาอยู่ใกล้ๆ ฉันจึงพึ่งพาเขามาก ฉันคิดว่าเขาเป็นนักแสดงร่วมที่ยอดเยี่ยมที่จะจดจำฉันได้เพราะเราพูดถึงละครเรื่องนี้กันมาก”

โจโบอา ปิดท้ายการสัมภาษณ์ด้วยการแบ่งปันความคิดของเธอเกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้ “อัยการทหารโดเบอร์แมน” เป็นที่นิยมในหมู่ผู้ชม เธอรำพึงว่า “มันเกี่ยวข้องกับหัวข้อทางทหารที่น่าหดหู่และหนักหน่วง แต่สคริปต์ที่ดื่มด่ำและภาพที่เพียงพอและสนุกสนานของประเภทแอ็คชั่นเป็นจังหวะของอัจฉริยะ ฉันคิดว่าละครเรื่องนี้เป็นที่ชื่นชอบมากเพราะมันทำให้ทุกคนได้ลิ้มรสความพึงพอใจท่ามกลางความเป็นจริงที่น่าผิดหวังเมื่อเร็ว ๆ นี้ของเรา”

เครดิตรูปภาพ soompi.com

#โจโบอาพูดถึงการร่วมงานกับอันโบฮยอน #ข่าวเกาหลี #ข่าวบันเทิงต่างประเทศ​